ทฤษฎีการตลาดบทที่ 1-12



BUS 702   ทฤษฎีการตลาด บทที่ 1-12  สรุปโดย  นิวัติ  จันทราช 61560470  D.B.A 10

บทที่ 1 marketing model marketing model โดย นายวีรกิจ อุฑารสกุล  รหัส 60560149

วิทยาศาสตร์และรูปแบบการตลาด เป็นกระบวนการของการค้นหาข้อมูลเพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านการตลาด และมีกระบวนการสร้างแบบจำลอง เป็นกราฟเส้นได้

แสดงการอธิบายที่ 1.1 เส้นระยะเวลาของส่วนแบ่งการตลาด (c)ซึ่งจำลองเป็นผลิตภัณฑ์ของการทดลอง (a) และการทำซ้ำ (b) จากการค้นพบทางวิทยาศาสตร์
ส่วนผสมของกลไกการตลาด ได้แก่
(1) การกำหนดราคาและการส่งเสริมราคา
(2) การส่งเสริมการขาย เช่น การโฆษณา และการประชาสัมพันธ์
(3) การจัดจำหน่ายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าและการให้บริการคำสั่งซื้อ
(4) การพัฒนา และปรับปรุงผลิตภัณฑ์

บทที่ 2 consumer behavior โดย นางสาวปัญจมาพร ผลเกิด  รหัส 61560158
การตัดสินใจ (Decision Making) หมายถึง กระบวนการในการเลือกที่จะกระทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากทางเลือกต่างๆที่มีอยู่จำแนกออกเป็น 5 กระบวนการ
1.ความต้องการ (need arousal คือรับรู้ถึงปัญหาและความต้องการ
2.การหาข้อมูล (information search) คือการหาข้อมูลด้วยตัวเอง จากการนำเสนอทางการตลาดและจากบุคคลรอบข้าง หรือ พิจารณาตัดทอนตราสินค้าที่คิดว่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการออก
3.การประเมินผลจากข้อมูล (evaluation) คือ กระบวนการการตัดสินใจจากความพึงพอใจในตราสินค้าเป็นหลัก
4.การตัดสินใจซื้อ (purchase) คือความต้องการสินค้าและความพึงพอใจในตราสินค้า
5.ความรู้สึกหรือความพึงพอใจหลังจากการซื้อและใช้สินค้า (Post-purchase feeling) คือการวัดจากระดับความคาดหวังและการทำงานของสินค้า



บทที่ 3 Organizational Buying Models โดย นายรัชตา กาญจนโรจน์ รหัส: 61560230/นายนิวัติ  จันทราช

การจัดซื้อ เป็นกิจกรรมที่มี บุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง มีกระบวนการที่ซับซ้อน พฤติกรรมการจัดซื้อองค์กรแตกต่างกับพฤติกรรมผู้บริโภคพจิารณาได้ 4 ประเด็น คือ 1. องค์กรไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค 2. มีบุคคลหลายกลุ่มเกี่ยวข้องกับการซื้อ 3. วงเงินที่ซื้อมีจำนวนมาก 4. องค์กรไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้า

มีปัจจัยที่ส่งผลต่อ รูปแบบพฤติกรรม ของผู้ซื้ออุตสาหกรรม 6 ปัจจัยได้แก่ 1. ลักษณะส่วนบุคคล 2. สิ่งแวดล้อม 3. ปัจจัยขององค์กร 4. ส่วนของกลุ่ม (กลุ่มที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อ) 5. ประเภทสินค้า 6. ระยะเวลาในการซื้อ







บทที่ 3. Organizational Buying Models   โดย /นายนิวัติ  จันทราช   61560470
ชื่อเรื่อง : A General Model for Understanding Organizational Buying Behavior
ผู้แต่ง    : Frederick E. Webster Jr. and Yoram Wind   
ที่มา : Webster, FE, Jr. and Wind,, Y.(1972) p.12-19 


โมเดลพฤติกรรมการซื้อขององค์กร (Webster-Wind Model of Organizational Buying Behavior)
จากการศึกษาทบทวนโมเดล โดยพิจารณาย้อนกลับไปจากผลลัพธ์สุดท้าย พบว่าปัจจัยในการตัดสินใจซื้อขององค์กรมีที่มาจากกระบวนการในการตัดสินใจซื้อ (Buying decision process) ซึ่งเกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1.             การตัดสินใจส่วนบุคคลหรือของปัจเจกบุคคล
2.             การตัดสินใจเชิงกลุ่ม โดยคณะทำงานภายในองค์กรซึ่งมีอิทธิพลมาจากสามปัจจัยหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อมที่ส่งผลมาถึงองค์กร และฝ่ายจัดซื้อขององค์กร

โดยที่ 2 ปัจจัยหลักข้างต้นได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัย 4 อย่าง ดังต่อไปนี้
1.ปัจจัยสิ่งแวดล้อม (ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อ) ซึ่งเป็นทั้งสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ทางเทคโนโลยี ทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ทางกฎหมายและทางวัฒนธรรม ที่ไปมีอิทธิพลต่อผู้จัดจำหน่าย ผู้บริโภค รัฐบาล สหภาพแรงาน สมาคมการค้า เป็นต้น แสดงออกมาในรูปของข้อมูลเกี่ยวกับผู้จัดจำหน่าย การมีสินค้าและบริการนั้นอยู่ในตลาด เงื่อนไขทั่วไปทางธุรกิจ ค่านิยมและบรรทัดฐานทางสังคม ทั้งนี้ ปัจจัยสิ่งแวดล้อมเหล่านี้เป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขององค์กรในข้อ 2 ในระดับหนึ่ง
     2.ปัจจัยจากองค์กร (ปัจจัยทางองค์กรที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อ) ที่เป็นบรรยากาศในองค์กร ทั้งทาง
        กายภาพ ทางเทคนิค ทางเศรษฐศาสตร์ และทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นผลมาจาก อาทิ เทคโนโลยี โครงสร้าง
       เป้าหมายและวัตถุประสงค์ คณะกรรมการจัดซื้อ ขององค์กร เป็นต้น และสามารถจัดกลุ่มได้เป็นข้อจำกัดทาง
       เทคโนโลยีขององค์กรนั้น การจัดโครงสร้างกลุ่มการทำงานขององค์กร ลักษณะของคณะทำงานฝ่ายจัดซื้อของ
       องค์กรนั้น โดยไปมีอิทธิพลโดยตรงต่อฝ่ายจัดซื้อขององค์กรในปัจจัยข้อที่ 3
3.ปัจจัยจากฝ่ายจัดซื้อขององค์กร (ปัจจัยระหว่างบุคคลที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อ) ทั้งที่เป็นส่วนการจัดซื้อที่
    เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง และส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน จะมีอิทธิพลโดยตรงต่อกระบวนการในการซื้อขององค์
4.ในขณะเดียวกันการตัดสินใจของปัจเจกบุคคลตามปัจจัยในข้อ 4 ซึ่งเกิดจากแรงจูงใจ โครงสร้างทางความคิดหรือ
    กระบวนการรับรู้ บุคลิกลักษณะของแต่ละบุคคล กระบวนการเรียนรู้ บทบาทที่ได้รับ


บทที่ 4 Price  โดย นายปิยะณัฐ เกียงประสิทธ์ รหัส 61560247
ราคามีความสำคัญ ส่งผลโดยตรงถึงปริมาณสินค้าที่ขายได้ ซึ่งโดยปกติ : ลูกค้าจะซื้อของน้อยลง เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น
pricing Capabilities จึงเป็นตัวแปรที่จะนำไปสู่ผลงานขององค์กร (Firm Performance) ที่ดียิ่งขึ้น ปัจจัยที่นำไปสู่ขีดความสามารถในการกำหนดราคาขององค์กร ได้แก่
1.การแบ่งแยกราคา คือความสามารถของบริษัทในการกำหนดราคาสินค้าหรือบริการให้แตกต่างกันไปโดยขึ้นกับประเภทกลุ่มของลูกค้า หรือขึ้นกับช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
2.การมุ่งเน้นพลวัตรหรือความเปลี่ยนแปลง คือ การให้ความสำคัญในการวางแผนและการปรับตัวทางราคา ให้เข้ากับพลวัตรหรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อ
3.การส่งมอบทางคุณค่า คือ ความสามารถที่เหนือกว่าของบริษัทในการส่งมอบคุณค่าของสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้า เมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่ง
4.ทุนทางสังคมของผู้บริหาร คือ ความน่าเชื่อถือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแวดวงธุรกิจ ตลอดจนความสามารถในการใช้ประโยชน์จากสายสัมพันธ์ภายนอกองค์กรของเหล่าผู้จัดการในองค์กร



บทที่ 5 Product น.ส. วิระอร   เชษฐสิงห์  DBA. 61560329
ผลิตภัณฑ์ คือ สินค้าที่สามารถนำเสนอสู่ตลาด ผลิตภัณฑ์ มีองค์ประกอบ 5ด้านดังต่อไปนี้ 1. ผลิตภัณฑ์หลัก (Core product) 2. รูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ (Formal/Features product) 3. ผลิตภัณฑ์คาดหวัง  (Expected product) 4. ผลิตภัณฑ์ควบ (Augment product) และ 5. ศักยภาพของผลิตภัณฑ์ (Potential  ซึ่งกลยุทธ์ ผลิตภัณฑ์ได้แก่ 1.คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ 2. ส่วนประสมผลิตภัณฑ์  และ3. สายผลิตภัณฑ์ แนวคิดส่วนประสมทางการตลาดประกอบไปด้วย STP  ก็คือการจัดกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มลูกค้าหลัก และการกำหนดคุณลักษณ์พิเศษหรือตัวภาพลักษณ์ที่จะทำให้สินค้า



 บทที่ 6 Advertising น.ส. สุภิญญา ยงศิริ  รหัสนักศึกษา 61560343
การโฆษณาเป็นการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ เพื่อกระตุ้นผู้รับสารให้เกิดความสนใจในสินค้าหรือบริการ เป็นการส่งเสริมในด้านการจำหน่ายสินค้าและบริการ วิธีการเผยแพร่ เช่น สื่อโทรทัศน์  สื่อวิทยุ  สื่อสิ่งพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ ใบปลิวโฆษณา  สื่อออนไลน์   โดยมีผู้ส่งสาร ข้อมูล แรงจูงใจ ความน่าเชื่อถือ ความชัดเจน ผู้รับสาร ตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อการโฆษณา ซึ่งในการวางแผนโฆษณา ต้องคำนึงถึงตัวแปรที่สำคัญ  2 ประการ คือ 1. สินค้าหรือบริการ  2. ผู้บริโภคหรือกลุ่มลูกค้า
ทฤษฎีการสื่อสารมีปัจจัยพื้นฐานอยู่ 4 ประการ ตามหลักทฤษฎี  “SMCR”  ของ เดวิด เค เบอร์โร ( David K. Berlo )  ซึ่งได้แก่
               S ( Source )           คือผู้ที่ทำหน้าที่ส่งสาร
               M ( Message) คือ สาร หรือ ข้อมูลข่าวสาร  ( Information )
               C ( Channel )  คือ ช่องทาง หรือ สื่อ ( Media )
               R ( Receiver )  คือ ผู้รับสาร

บทที่ 7 Promotion ดย วรพล อิทธิคเณศร 61560381
กลยุทธ์การส่งเสริมการขาย
สามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะดังนี้
1.ลักษณะของsectorซึ่งประกอบด้วยperishabilityคือความไม่สามารถจัดการสินค้าคงคลังได้และ heterogeneity คือ ความไม่คงที่ของการผลิต
2. ลักษณะของร้านค้า ประกอบด้วยความแตกต่างของร้านค้า (retailer differentiation)และจำนวนสาขา(numberofstores)
3.ลักษณะความสามารถในการแข่งขันและความต้องการ
     3.1 ลักษณะการแข่งขันในท้องถิ่นคือด้านราคาความถี่ในการซื้อ ขายสินค้าและประเภทของการส่งเสริมการขาย
     3.2 ลักษณะของผู้บริโภคในท้องถิ่น เช่น ด้านจิตสังคม ประชากรศาสตร์และภูมิศาสตร์



 บทที่ 8  Sale force นางสาว มัลลิกา ธรรมณรงค์ รหัส 6156040
Sales force decision problem (แบบจำลองเชิงปริมาณปัญหาการตัดสินใจบังคับขาย)
ขั้นตอนในการบริหารจัดการขายอันดับแรกบทบาทของการขายส่วนตัวในส่วนประสมทางการตลาดของ บริษัทต้องกำหนดโดยกำหนดเป้าหมายหรือเกณฑ์สำหรับใช้ในการตัดสินใจบังคับขายการทำ อันดับที่สองต้องมีการกำหนดความมุ่งมั่นด้านทรัพยากรให้กับความพยายามซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนางบประมาณฝ่ายขายและการกำหนดขนาดของพนักงานขายอันดับที่สามต้องมีการจัดสรรทรัพยากรเพื่อกำหนดวิธีการกระจายความพยายามในมิติของลูกค้าผลิตภัณฑ์ขอบเขตการขายและเวลาเช่นกำหนดเวลาการโทร)สุดท้ายต้องมีการจัดองค์กรแรงจูงใจและการควบคุมความพยายามในการขายโดยจะต้องมีการกำหนดโครงสร้างของพนักงานขายและระดับความรับผิดชอบในการรายงาน แผนการสร้างแรงจูงใจและการชดเชยต้องได้รับการจัดตั้งขึ้น การฝึกอบรมและการมอบหมายให้พนักงานขายต้องได้รับการพิจารณา และผลของความพยายามขาย - ประสิทธิภาพการขาย - ต้องได้รับการตรวจสอบและป้อนเข้าสู่พื้นที่การตัดสินใจอื่น ๆ เพื่อช่วย บริษัท ในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะตลาด



บทที่ 9 distribution โดยบุษรินทร์ จีนเกิดทรัพย์ 61560418
การกระจายสินค้า คือการเลือกช่องทางที่ใช้ในการจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อให้ได้มาซึ่งกำไรสูงสุดซึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นประกอบไปด้วยทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งเป็นการขายโดยช่องทางอ้อมนั้นเป็นการจำหน่ายสินค้าผ่านพ่อค้าคนกลาง  ในการจัดจำหน่ายสินค้าทางตรงนั้นจะมีผลกระทบในเรื่องของวิธีการกำหนดขนาด และประเภทการขายงบประมาณในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และเรื่องของราคา แต่หากเป็นการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านพ่อค้าคนกลางนั้น ลักษณะกิจกรรมของหน่วยงานขายก็แตกต่างออกไป(ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และ เรื่องของราคา ผู้ผลิตไม่ต้องดำเนินการ ให้พ่อค้าคนกลางเป็นผู้จัดการให้) ดังนั้นการตัดสินใจเลือกช่องทางในการกระจายสินค้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และมีผลกระทบต่อกิจกรรมอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น Perreault and Russ 1976 ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการแผนกจัดซื้อในอุตสาหกรรมต่างๆพบว่า ในการตัดสินใจซื้อสินค้านั้น กิจกรรมช่องทางการจำหน่ายสินค้า (physical distribution)ซึ่งเป็นกิจกรรมการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภคนั้น มีความสำคัญรองเป็นอันดับที่สองจากเรื่องคุณภาพของสินค้า และมีความสำคัญมากกว่าราคา
จากภาพ ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้คนกลางในเชิงเศรษฐศาสตร์ โดย
ภาพที่ 1 แสดงถึงผู้ผลิต 3 รายแต่ละรายใช้การตลาดทางตรงในการเข้าถึงลูกค้าแต่ละราย ระบบนี้ต้องมีช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคถึง 9 ช่องทาง


ภาพที่ 2 แสดงให้เห็นถึงผู้ผลิต 3 ราย ดำเนินการผ่านผู้จัดจำหน่าย 1 ราย ในการติดต่อลุกค้าทั้ง 3 ราย ในระบบนี้จะต้องการช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคเพียง 6   ช่องทาง ในการนี้คนกลางจะช่วยลดปริมาณงานที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ผลิตและลูกค้าได้


จากมุมมองทางด้านเศรษฐศาสตร์พบว่า บทบาทของคนกลางทางการตลาดคือ การทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงมิติการจัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กำหนดขึ้นโดยผู้ผลิต ให้เป็นมิติการจัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจากผู้ผลิตจะจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำกันในปริมาณมาก แต่ในขณะที่ผู้บริโภคต้องการจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแต่ในปริมาณที่น้อย สมาชิกในช่องทางการตลาดจะซื้อในปริมาณมากจากผู้ผลิตหลายๆราย และดำเนินการแบ่งสันให้มีปริมาณเล็กลงตามความต้องการของลูกค้า  ทั้งนี้คนกลางทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการมีเพียงพอสำหรับลูกค้า ช่องทางการจัดจำหน่ายจะช่วยเพิ่มคุณค่าโดยการลดช่องว่างในเรื่องของเวลา สถานที่ และการครอบครอง ซึ่งคนกลางมีหน้าที่ประสานงานในการตกลงซื้อขายผลิตภัณฑ์กับผู้บริโภคทั้งในด้านราคา การบริหาร และเงื่อนไขอื่นๆ เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่องค์กร สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลุกค้า มีหน้าที่ติดต่อและค้นหาผู้ซื้อ ช่วยกำหนดราคา รวมถึงเจรจาต่อรองเพื่อการขายสินค้าให้แก่องค์กร รับความเสี่ยงระหว่างถือครองผลิตภัณฑ์ ระหว่างที่ผลิตภัณฑ์อยู่ในช่องทางจัดจำหน่าย

บทที่ 10 New Product Planing      by Hansheng Liu
ความหมาย
ผลิตภัณฑ์ คือ สิ่งที่องค์กรขายให้แก่ลูกค้า ผลิตภัณฑ์ทั้งที่จับต้องได้ (เช่น สินค้า) และที่จับต้องไม่ได้ (เช่น การบริการ) เป็นทรัพย์สินสำคัญขององค์กรที่ทำให้เกิดผลกำไร ผลิตภัณฑ์เป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนการตลาด และกิจกรรมทางธุรกิจขององค์กร
การวางแผนผลิตภัณฑ์ (product planning) เป็นการทำงานในช่วงต้นของกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
New Product Planning เป็นการตัดสินใจอย่างเป็นระบบในการพัฒนา และบริหารผลิตภัณฑ์ของกิจการให้สัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการตัดสินใจเกี่ยวกับตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นการเตรียมข้อมูลและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจะผลิต โดยอาศัยการเก็บรวบรวมและการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภค ผู้ขาย และผู้ผลิต ซึ่งจะต้องคำนึงถึงลักษณะที่สำคัญ 3 ประการคือ
ระดับคุณภาพ เช่น คุณภาพของวัตถุดิบ คุณภาพการออกแบบ รูปลักษณ์
ความเชื่อถือได้ของผลิตภัณฑ์ คือ การให้ประโยชน์ต่อผู้ใช้ตามที่ผู้ออกแบบได้กำหนดไว้
ต้นทุนการผลิต คือ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดจากการผลิตผลิตภัณฑ์

องค์ประกอบของการวางแผนผลิตภัณฑ์ใหม่
การสร้างแนวคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ (Idea Generation) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เริ่มต้นด้วยการแสวงหาความคิด (Idea) ซึ่งความคิดหาได้จากการแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น
การกลั่นกรองความคิด (Idea Screening) เป็นการนำเอาความคิดใหม่ๆ มากลั่นกรองให้เหลือน้อยที่สุด โดยจะมีการตัดความคิดที่ไม่ได้ให้ความคาดหวังสูงหรือโอกาสของการเติบโตน้อยทิ้งไป ในขณะที่ความคิดที่คาดหวังว่ายังมีโอกาสและมีศักยภาพก็จะนำมาพิจารณาสู่ขั้นตอนต่อไป
การพัฒนาแนวความคิดและการทดสอบแนวความคิด (Concept Development and Testing) การพัฒนาแนวความคิด (Concept development) เป็นการพยายามขององค์กรที่จะสร้างแนวความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านขั้นตอนของการกลั่นกรองซึ่งความคิดที่น่าสนใจที่จะต้องพัฒนาไปยังแนวความคิดผลิตภัณฑ์ (Product concept)
การพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy Development) เป็นการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด โดยการกำหนดวัตถุประสงค์, เป้าหมายทางการตลาด, การทำ STP Marketing, Marketing Mix : 4P’s
การวิเคราะห์เชิงธุรกิจ (Business Analysis)ขั้นตอนนี้เป็นการประเมินโอกาสการทำกำไรของผลิตภัณฑ์ใหม่และการเข้ากันได้กับตลาดที่จะเข้าไปทาธุรกิจ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) การพัฒนาแนวความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่และองค์ประกอบอื่นของส่วนประสมทางการตลาด ซึ่งขั้นตอนนี้ทางองค์กรทำการกำหนดว่าการผลิตมีความเป็นไปได้ในต้นทุนที่ต่ำพอเพียงในการที่จะตั้งราคาขายให้กับลูกค้าเป้าหมายสามารถซื้อได้ ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทางฝ่ายตลาดก็จะเริ่มมีการทดสอบส่วนประกอบทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น
การทดสอบทางการตลาด (Marketing Tests) การทดสอบทางการตลาดเป็นการนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผลิตออกมาเป็นรูปร่างลักษณะรวมถึงแผนกลยุทธ์ของส่วนประสมทางการตลาดไปทดลองวางจำหน่ายในพื้นที่เฉพาะเพื่อทดสอบว่าลูกค้าเป้าหมายให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด เพื่อมาประเมินและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในกรณีที่จะต้องนาเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สู่ตลาด
การเริ่มดำเนินธุรกิจด้วยการนำผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด (Commercialization) หลังจากการทดสอบตลาดจะต้องมีการวิเคราะห์ผลการทดสอบเพื่อที่จะกำหนดว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงส่วนประสมทางการตลาดก่อนที่จะนำผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก
การนำทฤษฎีไปประยุกต์ใช้
การวางแผนผลิตภัณฑ์ (product planning) เป็นการทำงานในช่วงต้นของกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเริ่มต้นด้วยการแสวงหาความคิด (Idea) แล้วนำเอาความคิดใหม่ๆ มากลั่นกรองให้เหลือน้อยที่สุด เป็นการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด โดยการกำหนดวัตถุประสงค์, เป้าหมายทางการตลาด, การทำ STP Marketing, Marketing Mix : 4P’s

 บทที่ 11  strategic Marketing Conceptual Framework โดยจักรรัตน์ กนะกาศัย  61560446
สามารถอธิบายความหมายขององค์ประกอบแต่ละตัวแปรได้ดังนี้
แรงกดดันจากสภาพแวดล้อม ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่
1.ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายนอก 2.ปัจจัยสภาพแวดล้อมภายใน
การตลาดเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ 1.ปัจจัยการวางแผนองค์กรเชิงกลยุทธ์ 2.ปัจจัยการมุ่งเน้นตลาด
3.ปัจจัยการกำหนดกลยุทธ์ 4.ปัจจัยการพัฒนากลยุทธ์การตลาด 5.และปัจจัยความสัมพันธ์กับคู่แข่งขัน
การประเมินผลการดำเนินงานทางการตลาด ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ 1ผลตอบแทนจากการลงทุนทางการตลาด 2.การตอบวัตถุประสงค์ทางการตลาดอย่างสมบรูณ์

การทบทวนและการควบคุมแผนการดำเนินงานทางการตลาด ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ปัจจัยการทบทวนแผนการดำเนินงานทางการตลาด 2.การควบคุมแผนการดำเนินงานทางการตลาด



บทที่ 12 Decision Support and Implementation by ธนิดา ภู่สุวรรณ
TPS, Transaction Process System ระบบประมวลผลการดำเนินงานทางธุรกรรม หรือ TBS Transaction - based systems ระบบข้อมูลพื้นฐานการซื้อขาย คือเก็บและรายงานการสร้างข้อมูลการทำธุรกรรมในหน้าที่ธุรกิจที่เป็นพื้นฐาน เช่น ตู้ ATM เก็บข้อมูลและประมวลผลรายการธุรกรรม
            DBS data-based systems, ระบบข้อมูลพื้นฐาน คือเก็บข้อมูลทั้งหมด ทั้งภายนอกภายในองค์กร หรือ DBMS data-based management systems ระบบการจัดการข้อมูลพื้นฐาน โดยใช้ Software เข้าไปจัดการ ฐานข้อมูล Data - based
            MIS Management information systems ระบบสาระสนเทศเพื่อการจัดการ เป็น Software ที่นักโปรแกรมเมอร์สร้างขึ้น ผู้ใช้คือผู้บริหาร ระดับสูง กลาง ล่าง ประมวลผลในรูปแบบ กราฟ ตาราง เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจและการดำเนินงาน
            DSS Decision support systems ระบบช่วยในการตัดสินใจ เป็นระบบ Software ผู้ใช้คือผู้บริหารหรือผู้ชำนาญเท่านั้น ใช้เพื่อประมวลผลออกมาเป็นตาราง กราฟ เพื่อเป็นโมเดลสนับสนุนการตัดสินใจ
            ES ระบบการตลาดอัจฉริยะ เหมือนกับ DSS แต่ง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นใช้งาน ผู้บริหารทั่วไปที่ไม่เก่งComputer ก็ใช้ได้ เพียงแค่ส่งคำถามสิ่งที่อยากรู้ลงในระบบๆก็จะส่งคำตอบออกมาในรูปแบบ กราฟ ตาราง และคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้บริหารต้องการทราบอีกด้วย เพื่อเป็นโมเดลในการสนับสนุนการตัดสินของผู้บริหาร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การสร้างกรอบแนวคิด 5 โมเดล